ชางชุงดันกงวอน (Jangchungdan Park, 장충단공원) สถานที่แห่งนี้แต่เดิมนั้น เคยเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าชางชุงดัน (Jangchungdan Shrine, 장충단신사) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1900 ในรัชสมัยของกษัตริย์โคจง (Gojong of Korea, 고종; ค.ศ. 1852 – ค.ศ. 1919) หรือจักรพรรดิควางมูเจ (Emperor Gwangmu, 광무제) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้าย ของราชวงศ์โชซอน และทรงเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งเกาหลี

ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับ จักรพรรดินีมยองซอง (Empress Myeongseong, 명성황후; ค.ศ. 1866 – ค.ศ. 1895) และข้าราชบริพาร ที่เสียชีวิตจากการรุกรานของญี่ปุ่น ในเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์พระมเหสีมิน (พระยศในขณะนั้นของจักรพรรดินีมยองซอง) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1895 ในพระราชวังเคียงบก (Gyeongbokgung Palace)  ต่อมาในระหว่างสงครามเกาหลี ศาลเจ้าชางชุงดัน (Jangchungdan Shrine, 장충단신사) ได้ถูกทำลายจนเสียหาย

ในปี ค.ศ. 1919 พื้นที่แห่งนี้ได้รับการบูรณะอีกครั้ง ให้เป็นอุทยานชางชุงดัน (Jangchungdan Park, 장충단공원) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเชิงภูเขานัมซาน (Namsan Mountain) ซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยว ทางประวัติศาสตร์ ของกรุงโซล (Seoul) ซึ่งเป็นเมืองในพื้นที่ ของจังหวัดคยองกี (คยองกีโด, Gyeonggi-do) ในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในปัจจุบันอุทยานแห่งนี้ ยังคงไว้ซึ่งสถานที่และหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญ ได้แก่

อนุสรณ์หินชางชุงดัน

ชางชุงดันบี (Jangchungdan Memorial Stone, 장충단비) อนุสรณ์หินที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อระลึกถึงจิตวิญญาณ ของฮงกเยฮุน (Hong Gye-hoon, 홍계훈), นายทหารและข้าราชบริพารคนอื่นๆ ที่สามารถเอาชนะญี่ปุ่น ในช่วงเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์พระมเหสีมิน (พระยศในขณะนั้นของจักรพรรดินีมยองซอง) ในปีที่ 32 แห่งราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1895 ลักษณะของอนุสรณ์หิน ที่โครงสร้างแบบเรียบง่าย ตั้งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยม บริเวณด้านหน้ามีการสลักคำว่า ชางชุงดัน (Jangchungdan, 奬忠檀) ซึ่งหมายถึงการเชื่อฟังคำสั่ง โดยอนุสรณ์หินแห่งนี้ ได้รับเลือกให้เป็น สมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งแรก ของกรุงโซล (Seoul) เมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1969

พระที่นั่งซุงจอง

ซุงจองจอน (Sungjeongjeon, 숭정전) แต่เดิมเคยเป็นอาคารพระที่นั่งของ พระราชวังคยองฮี (Gyeonghuigung Palace) และมีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า คยองฮีกุงซุงจองจอน (Gyeonghuigung Sungjeongjeon, 경희궁숭정전) ในปี ค.ศ. 1926 ซึ่งเป็นช่วงของการปกครองโดยญี่ปุ่น อาคารแห่งนี้ถูกย้ายไปยังวัดโชเกซา (Jogyesa Temple) ก่อนที่จะมีการย้ายอีกครั้งมายัง เชิงภูเขานัมซาน (Namsan Mountain) ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1976 ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในบริเวณของ มหาวิทยาลัยทงกุก (Dongguk University) และในปัจจุบันอาคารแห่งนี้ ได้กลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญ สำหรับการศึกษาสถาปัตยกรรมพระราชวัง ในสมัยราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty)

สะพานซูพโย

ซูพโยกโย (Supyogyo Bridge, 수표교) สะพานถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1420 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของการปกครองของ กษัตริย์เซจงมหาราช (Sejong the Great, 세종대왕; 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1397 – 8 เมษายน ค.ศ. 1450) ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่สี่ ของราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลี และเป็นที่รู้จักในการที่ทรงประดิษฐ์อักษรฮันกึล แต่เดิมสะพานแห่งนี้ถูกเรียกว่า มาจอนกโย (Majeongyo, 마전교) ซึ่งหมายถึง สะพานตลาดม้า เนื่องจากมีตลาดม้า อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสะพาน ต่อมาในปี ค.ศ. 1441 สะพานได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สะพานซุพโย-กโย (Supyogyo Bridge (수표교) ซึ่งหมายถึงสะพานน้ำ (Water Bridge, 수표교)

เนื่องจากมีการมีการติดตั้งมาตรวัดน้ำใกล้กับสะพาน เพื่อระบุระดับน้ำที่ไหลผ่าน คลองชองกเยชอน (Cheonggyecheon Stream) ซึ่งชื่อของพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของสะพาน ก็ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เช่นกัน กลายเป็นย่านซุพโยดง (Supyo-dong, 수표동) สะพานพร้อมกับมาตรวัดน้ำ ถูกย้ายมาติดตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งนี้ และมีการสร้างสะพานแห่งใหม่ เพื่อเลียนแบบรูปแบบ ทางสถาปัตยกรรมของสะพานเดิม

และตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมของสะพานเก่า เพื่อใช้งานชั่วคราว ในระหว่างโครงการฟื้นฟูและปรับปรุง คลองชองกเยชอน (Cheonggyecheon Stream) ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 รัฐบาลโซลวางแผน ที่จะคืนสะพานไปยังตำแหน่งเดิม แต่ต้องเปลี่ยนแผน เพราะผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การโยกย้ายสะพาน จะก่อให้เกิดความเสียหาย และสามารถทำลายรูปแบบดั้งเดิมของสะพาน ในที่สุดจึงตัดสินใจไม่ย้ายสะพานเดิม และยังคงใช้สะพานชั่วคราวดังกล่าว จวบจนถึงปัจจุบันนี้ อ่านเพิ่มเติม

นอกจากนี้อุทยานแห่งนี้ยังถือเป็น “สวนแห่งความรักชาติ” จากเหตุการณ์การเคลื่อนไหว ในการประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ. 1919 ที่คงเหลือไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่คนรุ่นหลัง ได้ระลึกถึงเหล่าบรรดาผู้รักชาติในครั้งนั้น ได้แก่ ฮันยงอุน (Han Yong-un, 한용운) ผู้เป็นนักปฏิรูปและกวีชาวเกาหลี รวมไปถึงรูปปั้นของยูกวันซุน (Yu Gwan-sun, 유관순 ค.ศ. 1902 – ค.ศ. 1920) หรือที่รู้จักกันในนามของรยูกวันซุน (Ryu Gwansun) ผู้เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหว และเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ เพื่อเอกราชของเกาหลี ของขบวนการต่อต้านจักรวรรดิอาณานิคมญี่ปุ่น เป็นต้น

เมื่อคุณมาเยือนยังสวนแห่งนี้ คุณจะได้รับความเพลิดเพลินในการเดินเล่น เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ไปพร้อมกับการรำลึกถึง เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะ ผ่านต้นไม้นานาพรรณ, สะพาน และลำธาร ที่สวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล นอกจากนี้ที่อุทยานยังมี ร้านชาแบบดั้งเดิม, ลานสเก็ตโรลเลอร์, สนามเทนนิส, สนามเบสบอล และยังสามารถเดินเท้าต่อ เพื่อไปท่องเที่ยวยัง อุทยานนัมซาน (Namsan Park, Seoul) ซึ่งสามารถเดินเล่นลัดเลาะไปสู่หอคอยเอ็นโซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower) ได้อีกด้วย

อุทยานนัมซาน

Namsan Park (남산공원) เป็นอุทยานเชิงนิเวศ ที่มีพืชพันธุ์ต่างๆ และสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ และเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด ในกรุงโซล (Seoul) ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ทั้งหมด ของภูเขานัมซาน (Namsan Mountain) มีทัศนียภาพที่สวยงาม ของการเดินป่าและการชมวิว ซึ่งมีเส้นทางเดินเท้าเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สวยงาม ของป่าสนหนาทึบ และพรรณไม้ป่านานาชนิด อ่านเพิ่มเติม

สะพานซูพโยกโย (Supyogyo Bridge, 수표교)

Jangchungdan Park (장충단공원)

Jangchungdan Park (장충단공원)

Jangchungdan Park (장충단공원)
Jangchungdan Historical Park

ที่อยู่ Jangchungdong 2(i)-ga, Jung-gu, Seoul, South Korea (서울특별시 중구 장충동2가)

ข้อมูลเพิ่มเติม

สายด่วนการท่องเที่ยว 1330: + 82-2-1330 (เกาหลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, รัสเซีย, เวียดนาม, ไทย, มาเลย์)

ติดต่อสอบถาม +82-2-753-5576, +82 2-771-2440

เวลาทำการ ทุกวัน 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม ฟรี

การเดินทาง

Dongguk University Station (동대입구역, ทงแดอิบกูหยอก, ทงแดอิบกูหยอก, Seoul Subway Line 3) และเดินออกทางออกที่ 6 โดยสวนตั้งอยู่ขวามือของคุณ

by Google Map

Jangchungdan Park (장충단공원)

Jangchungdan Memorial Stone (장충단비)

Supyogyo Bridge (수표교)

Sungjeongjeon (숭정전)

Yu Gwan-sun Statue (유관순동상)