ชางกยองกุง (Changgyeonggung, 창경궁) เป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียว ของพระราชวังหลวงทั้งห้าแห่งกรุงโซล (Seoul) (Five Grand Palaces of Seoul) ในสมัยราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และไม่หันหน้าไปทางทิศใต้ เหมือนพระราชวังแห่งอื่นๆ เนื่องจากพระราชวังถูกสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน ซึ่งมีความเหมาะสม กับภูมิศาสตร์ในบริเวณนั้น ในปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างเพียงหนึ่งกำแพงจาก พระราชวังชางด็อก (Changdeokgung Palace) ในกรุงโซล (Seoul) ซึ่งเป็นเมืองในพื้นที่ ของจังหวัดคยองกี (คยองกีโด, Gyeonggi-do) ในประเทศเกาหลีใต้ และถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถาน หมายเลข 123 ในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1963

พระราชวังถูกสร้างขึ้น ในปี ค.ศ. 1418 ในรัชสมัยของ กษัตริย์เซจงมหาราช (Sejong the Great, 세종대왕; 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1397 – 8 เมษายน ค.ศ. 1450) ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่สี่ ของราชวงศ์โชซอน และเป็นที่รู้จักในฐานะของ ผู้ประดิษฐ์อักษรฮันกึล และเป็นหนึ่งในสองกษัตริย์เกาหลี ที่ได้รับสมัญญานามเป็นมหาราช ซึ่งถือเป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ของประเทศเกาหลี ซึ่งในเวลานั้นพระราชวังมีชื่อว่า ซูกังกุง (Suganggung Palace, ) อันเป็นที่ประทับของ กษัตริย์แทจง (Taejong of Joseon, 태종; ค.ศ. 1367 – 1422) ซึ่งเป็นพระบิดาของ กษัตริย์เซจงมหาราช (Sejong the Great, 세종대왕) ที่ทรงสละราชบัลลังก์ ในปี ค.ศ. 1418

ต่อมาในสมัยของกษัตริย์ซองจง (Seongjong of Joseon, 성종; ค.ศ. 1457 – 1495) พระราชวังได้รับการปรับปรุง และเปลี่ยนชื่อเป็น ชางกยองกุง (Changgyeonggung, 창경궁) ซึ่งมีความหมายว่า พระราชวังแห่งความรุ่งโรจน์ ในปี ค.ศ. 1592 พระราชวังถูกเผา และได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในช่วงการรุกรานเกาหลี ของญี่ปุ่น (Japanese Invasions of Korea, ค.ศ. 1592 – 1598) การสู้รบครั้งนี้ประเทศเกาหลี เรียกว่า สงครามอิมจิน (Imjin War, 임진왜란) พระราชวังถูกบูรณะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1616 ในรัชสมัยการปกครองของ องค์ชายควางแฮกุน (Gwanghaegun, 광해군; ค.ศ. 1575 – 1641)

พระราชวังแห่งนี้ ถูกทำลายซ้ำๆ จากเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของตัวอาคารและเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงการปกครองอาณานิคมของญี่ปุ่น พระราชวังถูกปรับสถานะเป็น สวนสาธารณะคล้ายกับสวนอุเอโนะ ของกรุงโตเกียว โดยเริ่มจากความไม่พอใจ ต่อจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเกาหลี จักรพรรดิซุนจง (Sunjong of Korea, 순종 융희제; ค.ศ. 1874 – 1926) ในปี ค.ศ. 1909 ประตูพระราชวังด้านในรั้ว และห้องโถงหลายแห่งถูกรื้อถอน และถูกสร้างเป็นสระน้ำที่เรียกว่า ชุนดังจี (Chundangji, 춘당지)

รวมถึงการสร้างศาลาพฤกษศาสตร์, ห้องโถงวัฒนธรรม และในปี ค.ศ. 1911 ปรับปรุงอาคารที่เหลือ ให้เป็นห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ และพระราชวังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ชางกยองวอน (Changgyeongwon, 창경원) ภายหลังการประกาศอิสรภาพของเกาหลี ที่แห่งนี้ยังคงถูกใช้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1981 รัฐบาลเกาหลี ตัดสินใจ ในการบูรณะฟื้นฟูพระราชวัง โดยเริ่มจากการยกเลิก การเปิดให้บริการแก่สาธารณะ ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1983 พร้อมกลับการกลับมาใช้ชื่อว่า ชางกยองกุง (Changgyeonggung, 창경궁) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของพระราชวังอีกครั้ง

สวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ ถูกปิดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1986 และถูกย้ายไปยังสถานที่ใหม่ ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อของ โซลแกรนด์พาร์ค (Seoul Grand Park) พร้อมกับดำเนินการรื้อถอน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาคารสไตล์ญี่ปุ่น และฟื้นฟูบูรณะ พระที่นั่งมยองจอง (Myeongjeongjeon Hall) และประตูมยองจอง (Myeongjeongmun Gate) โดยพระราชวังเปิดสู่สาธารณะชนอีกครั้ง ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1986 ภายในพระราชวังมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รวมถึงเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรม โดยมีอาคารสถานที่สำคัญหลายแห่ง ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น สมบัติแห่งชาติเกาหลี ได้แก่

ประตูฮงฮวามุน

ฮงฮวามุน (Honghwamun, 홍화문) ประตูถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1484 เพื่อใช้เป็นประตูใหญ่ และเป็นประตูหลัก ในการเข้าออกของพระราชวัง ซึ่งมีสำคัญในฐานะ มรดกทางสถาปัตยกรรม โดยถูกกำหนดเป็น สมบัติแห่งชาติเกาหลี หมายเลข 384 เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1963 เพื่อการอนุรักษ์ไว้ซึ่งรูปแบบทางสถาปัตยกรรม ในช่วงกลางของสมัยราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) อ่านเพิ่มเติม

สะพานอกชอน

Okcheongyo Bridge (옥천교) สะพานซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของ ประตูฮงฮวา (Honghwamun Gate) เป็นสะพานซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้ ในรูปแบบดั้งเดิม ตั้งแต่ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1483 ซึ่งเป็นสมบัติของชาติหมายเลข 385 และโถงทางเดิน มยองจองจอนฮเวรัง (Myeongjeongjeon Corridor, 명정전 회랑) ซึ่งเป็นสมบัติของชาติหมายเลข 381 สะพานทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งเขต ทางเข้าสู่เขตพระราชฐานของพระราชวัง โดยกำแพงระหว่างซุ้มประตู ถูกแกะสลักเป็นรูปของทกแกบี (Dokkaebi, 도깨비) เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย อ่านเพิ่มเติม

พระที่นั่งมยองจอง

Myeongjeongjeon Hall (명정전) เป็นห้องโถงหลัก ตั้งอยู่ด้านหลังของประตูกลาง มยองจองมุน (Myeongjeongmun Gate) ในเขตพระราชฐาน และเป็นสถานที่ซึ่งสำคัญที่สุด ของพระราชวัง สำหรับการดำเนินการของรัฐ, การประชุมอย่างเป็นทางการ รวมถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของกษัตริย์แห่งโชซอนหลายพระองค์ และพระราชพิธีอื่นๆ อ่านเพิ่มเติม

หอดูดาวควันชอนแด

Changgyeonggung Gwancheondae Observatory (창경궁 관천대) เป็นหอดูดาวที่สังเกตตำแหน่ง ของวัตถุในท้องฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของ มุนจองจอน (Munjeongjeon Hall, 문정전) ซึ่งจึงเปรียบเสมือนตัวแทน ของเครื่องมือทางดาราศาสตร์ ในราชวงศ์โชซอนของเกาหลี เช่นเดียวกับราชวงศ์หยวน และราชวงศ์หมิงของประเทศจีน โดยในปัจจุบันคงเหลือ หอดูดาวอยู่เพียงสองแห่ง ในกรุงโซล (Seoul) คือ ที่พระราชวังแห่งนี้ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของเกาหลี หมายเลข 851 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1985 อ่านเพิ่มเติม

พระตำหนักทงมยอง

Tongmyeongjeon Hall (통명전) ส่วนใหญ่ถูกใช้เป็น สถานที่ประทับของพระมเหสี ที่ตำหนักแห่งนี้ยังมี เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ พระสนมเอกฮีบิน (Jang Hui-bin, 희빈장씨) พระสนมของกษัตริย์ซุกจง (Sukjong of Joseon, 숙종) ซึ่งถูกสำเร็จโทษด้วย การรับพระราชทานยาพิษ จากเหตุการณ์ทำพิธีสวดสาปแช่ง พระมเหสีอินฮยอง (Queen Inhyeon, 인현왕후) อ่านเพิ่มเติม

แท่นกังหันลม ชางกยองกุง พุงกีแด

Changgyeonggung Palace Punggidae (창경궁 풍기대) ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งธง ที่ใช้ในการวัดทิศทางและความแรงของลม คาดการณ์ว่าจะถูกสร้างขึ้น พร้อมกับเครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ซึ่งถือเป็นเครื่องมือ ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความสนใจของราชวงศ์โชซอน ในเรื่องของอุตุนิยมวิทยาการเกษตร ฐานหินแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็น สมบัติของชาติหมายเลข 846 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1985 อ่านเพิ่มเติม

สถูปเจดีย์แปดเหลี่ยมชางกยองกุง

Changgyeonggung Chilcheung Octagonal Pagoda (창경궁 팔각칠층석탑) เป็นเจดีย์หินเจดชั้นแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่ในบริเวณบ่อน้ำชุนดัง (Chundangji Pond) เป็นเจดีย์หินจีนเพียงแห่งเดียวในเกาหลี ซึ่งมีสไตล์แตกต่าง จากเจดีย์หินโดยทั่วไปของเกาหลี จึงถูกกำหนดให้เป็น สมบัติของเกาหลี หมายเลข 1119 เมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1992 อ่านเพิ่มเติม

เรือนกระจกพระราชวังชางกยอง

ชังกยองกุงแดอนชิล (Changgyeonggung Grand Greenhouse, 창경궁 대온실) เป็นเรือนกระจกในยุคจักรวรรดิเกาหลี ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเกาหลี หมายเลข 83 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ในปัจจุบันเรือนกระจกจัดแสดงพืชพรรณกว่า 70 ชนิด รวมถึงอนุสรณ์ธรรมชาติ 2 สิ่ง ได้แก่ ต้นปาล์มทงยองพีจินโด (Tongyeong Bijindo Alpine Birch) และต้นจูนิเปอร์ (Changgyeonggung Juniper Tree) อ่านเพิ่มเติม

ที่อยู่  185 Changgyeonggung-ro, Waryong-dong, Jongno-gu, Seoul, South Korea (서울특별시 종로구 와룡동 창경궁로 185)

ข้อมูลเพิ่มเติม

สายด่วนการท่องเที่ยว 1330: + 82-2-1330 (เกาหลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, รัสเซีย, เวียดนาม, ไทย, มาเลย์)

ติดต่อสอบถาม +82-2-762-4868

เวลาทำการ

กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 09: 00-18:00 น
มิถุนายน – สิงหาคม 09:00-18:30 น
กันยายน – ตุลาคม 09:00-18:00 น
พฤศจิกายน – มกราคม 09:00-17:30 น

ปิดทำการทุกวันจันทร์ และเข้าชมรอบสุดท้าย 1 ชั่วโมงก่อนเวลาปิดทำการ

ค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ (อายุ 19 ปีขึ้นไป) 1,000 วอน และวัยรุ่นและเด็ก (อายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า) 500 วอน

เข้าชมฟรี สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีขึ้นไป, ผู้เข้าชมที่สวมชุดฮันบก และผู้เข้าชมทั้งหมดในวันพุธสุดท้ายของ

แต่ละเดือน

บัตรชมพระราชวัง (Combination Ticket for Palaces)

10,000 วอน สำหรับเยี่ยมชมพระราชวังหลวง ทั้งห้าแห่งกรุงโซล (Seoul) (Five Grand Palaces of Seoul) *ราคาบัตรสำหรับ 4 พระราชวัง และฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับ 1 พระราชวัง อ่านเพิ่มเติม

การเดินทาง

Anguk Station (안국역, อันกุกหยอก, Seoul Subway Line 3) และเดินไปยังทางออกที่ 3 จากนั้นเดินตรงไปตามถนนยุลกกโร (Yulgok-ro, 율곡로) ระยะทางประมาณ 1 กม.

เลี้ยวซ้ายเพื่อเดินไปสู่ถนนชางกยองกุงโร (Changgyeonggung-ro, 창경궁로) และเดินตรงไปประมาณ 300 เมตร พระราชวังอยู่ด้านซ้ายมือของคุณ


ขึ้นรถบัส Bus No. No. 100, 102, 104, 151, 171, 272, 301, 601 710 หรือ Airport Bus No. 6011

และลงที่ป้ายจอดรถประจำทาง ชาง-กยองกุง ซออุลแดฮักกโย-พยองวอน (Changgyeonggung Palace. Seoul University Hospital, 창경궁. 서울 대학교 병원)

by Google Map

Changgyeonggung Palace (창경궁)

Changgyeonggung Palace Attractions