ศาลเจ้าชงมโย (Jongmyo Shrine) - คู่มือเที่ยวด้วยตัวเอง | Joint TRAVEL

ศาลเจ้าชงมโย (Jongmyo Shrine)

Jongmyo Shrine (종묘) ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆ สำหรับการประกอบพิธีกรรมที่สำคัญ ในสมัยราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) ตั้งอยู่ที่กรุงโซล (Seoul) ซึ่งเป็นเมืองในพื้นที่ของจังหวัดคยองกี (คยองกีโด, Gyeonggi-do)  ในประเทศเกาหลีใต้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานพระราชพิธีบูชาบรรพบุรุษในราชวงศ์ ที่เรียกว่า พิธีชงมโยเจรเย (Jongmyo Jerye, 종묘 제례) หรือ ชงมโยแทเจ (Jongmyo Daeje, 종묘 대제) เป็นพิธีที่ซึ่งจัดในวันอาทิตย์แรก ของเดือนพฤษภาคมในทุกๆ ปี ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เทศกาลศาลเจ้าชงมโย (Jongmyo Shrine Festival) ที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นพิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก

พิธีชงมโยเจรเย (Jongmyo Jerye) ถือเป็นประเพณีโบราณ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ซึ่งเป็นรากฐานและจิตวิญญาณของชาติ ที่แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ อันเป็นหนึ่งในแนวคิดที่มีคุณค่าในลัทธิขงจื้อ และนำไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศ

โดยอดีตในการประกอบพิธีนั้น จะถูกนำโดยพระมหากษัตริย์และพระราชินี สำหรับพิธีกรรมในปัจจุบัน จัดขึ้นโดยองค์กรทางวัฒนธรรม และดำเนินการโดยทายาทที่อาวุโสที่สุด และเป็นผู้สืบเชื้อสายจากอดีตราชวงศ์เกาหลี

สำหรับลำดับของขั้นตอนของพิธีกรรม จะจัดขึ้นอย่างเคร่งครัดและเคร่งขรึม ด้วยถือว่าเป็นพิธีกรรมอันดับสูงสุดของเกาหลี โดยในการประกอบพิธีนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 การเชิญ และทักทายวิญญาณบรรพบุรุษ

โดยพิธีกรรมเริ่มจากขั้นตอนที่เรียกว่า แชเก (Jaegye, 재계) ซึ่งหมายถึง การทำให้บริสุทธิ์ โดยเริ่มจาก “ชวีวี่ (Chwiwi, 취위)” โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง  และกษัตริย์เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมผู้ที่นำเหล้ามาถวายซึ่งเรียกว่า “โชฮองวัน (Choheongwan, 초청완)” เดินเข้าสู่ห้องประกอบพิธีในศาลเจ้า

จากนั้นพวกเขาล้างมือ และเข้าสู่พิธีกรรมเริ่มต้น ซึ่งเรียกว่า “ชองแฮงรเย (Cheonghaengrye, 청행례)” เป็นการประกอบพิธีกรรม เพื่อเชิญและทักทายเทพเจ้าแห่งสวรรค์และโลก ด้วยการถวายเหล้า  จากนั้นจะทำพิธีเชิญและทักทายวิญญาณบรรพบุรุษ ที่เรียกว่า “ชิน-กวันรเย (Singwanrye, 신관례)” ซึ่งหมายถึงพิธีกรรมเพื่อต้อนรับวิญญาณบรรพบุรุษ

ส่วนที่ 2 เป็นพิธีกรรม เพื่อความบันเทิงวิญญาณบรรพบุรุษ

เริ่มต้นพิธีกรรมที่เรียกว่า “ชินชัน (Jinchan, 진찬)” ซึ่งเป็นการจัดเตรียมโต๊ะอาหารแก่วิญญาณบรรพบุรุษ ซึ่งประกอบไปด้วยอาหาร 63 ชนิด และต่อด้วยพิธี “ชอนโจเชรเย (Cheonjorye, 천조례)” คือการอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษไปยังที่นั่งที่สะอาดบริสุทธิ์

จากนั้นกษัตริย์รินเหล้า เพื่อถวายแก่วิญญาณบรรพบุรุษถ้วยแรก ซึ่งเรียกว่า “โชฮอนรเย (Choheonrye, 초헌례)” ในระหว่างนี้จะมีการท่องบทสวด ซึ่งนำโดยผู้นำสวดซึ่งเรียกว่า “แทชุก-กวัน (Daechukgwan, 대축관)”

ต่อจากนั้นเป็นการถวายเหล้าแก่วิญญาณบรรพบุรุษถ้วยที่สอง ซึ่งเรียกว่า “อาฮอนรเย (Aheonrye, 아헌례)” และตามมาด้วย “ชงฮอนรเย (Jongheonrye, 종헌례)” ซึ่งเป็นการถวายเหล้าถ้วยที่สาม

ส่วนที่ 3 เป็นพิธีกรรมสุดท้าย ที่จัดขึ้นเพื่อส่งวิญญาณบรรพบุรุษไปสู่สวรรค์

อึมบกรเย (Eumbokrye, 음복례) เป็นพิธีกรรมเพื่อรับพรที่วิญญาณบรรพบุรุษประทานให้ ต่อจากนั้นเป็นการนำอาหารที่ถวายออกจากพิธีซึ่งเรียกว่า “ชอล-บยอนดู (Cheolbyeondu, 철변두)” และเข้าพิธีเพื่อส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลับไปสู่สวรรค์ ด้วยการก้มสี่ครั้งของกษัตริย์และเจ้าหน้าที่ทุกๆ คน ซึ่งเรียกว่า “ซงชิน (Songsin, 송신)”

พิธีกรรมสุดท้ายที่จัดขึ้นซึ่งเรียกว่า “มังรโย (Mangryo, 망료)” เป็นการเผาเอกสารสวดมนต์ และผ้าป่านรามีสีขาว (White Ramie) จากนั้นกษัตริย์ได้รับการรายงานว่า พิธีกรรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว  กษัตริย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนเดินออกจากพิธี จึงเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

นอกจากนี้ในระหว่างการประกอบพิธี จะมีการบรรเลงดนตรี ด้วยเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมของเกาหลี ซึ่งเรียกว่า “เจรเยอัก (Jerye-ak, 제례악)” เพื่อนำความเพลิดเพลินสำหรับวิญญาณบรรพบุรุษ ที่ได้รับเชิญเข้าสู่พิธีกรรม การบรรเลงดนตรีที่เล่นในพิธีกรรมนั้นเรียกว่า ชงมโยอักจัง (Jongmyo Akjang, 종묘악장)

โดยมีองค์ประกอบของการบรรเลง ประกอบไปด้วย บทเพลงชองแดอ็อบ (Jeongdaeeop, 정대업) เพื่อยกย่องความสำเร็จทางทหารของกษัตริย์ และบทเพลงโพแทพยอง (Botaepyeong, 보태평) เพื่อยกย่องความสำเร็จของกษัตริย์ในอดีต โดยเป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นมาใหม่ ในรัชสมัยพระเจ้าเซจงมหาราช (Sejong the Great, 세종대왕; ค.ศ. 1418 – ค.ศ. 1450)

บทเพลงดังกล่าวได้รับการยอมรับ และถูกใช้ในพิธีกรรมนี้ในปี ค.ศ. 1464 เพื่อใช้แทนบทเพลงดั้งเดิม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเพลงในศาล ของประเทศจีน และในเวลาต่อมาได้ถูกกำหนดให้เป็น ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ลำดับที่ 1 (Important Intangible Cultural Property No. 1.)

การบรรเลงเพลงโบราณพร้อมการเต้นรำประกอบ เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ชงมโยเจรเยอัก (Jongmyo Jerye-ak, 종묘제례악) ซึ่งในอดีตนักดนตรี, นักเต้นรำ และนักวิชาการ จะทำพิธีกรรมของลัทธิขงจื้อ ที่เรียกว่า ชงมโยแทเจ (Jongmyo Daeje, 종묘 대제) ในลานของศาลเจ้าปีละห้าครั้ง

สำหรับในปัจจุบันได้มีการฟื้นฟู และดำเนินการจัดพิธีกรรมด้งกล่าวขึ้น ในเดือนพฤษภาคมของทุกๆ ปี และยังถูกจัดให้เป็น สมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ลำดับที่ 56 (Important Intangible Cultural Property No. 56)

สำหรับการเต้นรำในพิธีกรรม ซึ่งเรียกว่าอิลมู (Ilmu, 일무) เป็นการเต้นรำซึ่งจัดแสดงโดยกลุ่มนักเต้นรำ ที่แต่งกายในชุดสีสันสดใสสวยงามจำนวน 64 คน โดยจัดเรียงเป็น 8 แถว โดยมีแถวละ 8 คน ทำให้บางครั้งถูกเรียกว่า พัลอิลมู (Palilmu, 팔일무) ซึ่งหมายถึง 8 บรรทัด โดยอิลมูแบ่งการเต้นออกเป็นสองประเภท คือ

โพแทพยองจีมู (Botaepyeong-ji-mu, 보태평 지무) ซึ่งเป็นการเต้นรำเพื่อยกย่อง ความสำเร็จของกษัตริย์ในอดีต โดยเป็นการเต้นรำของพลเรือน ที่เรียกว่า “มุนมู (Munmu, 문무)” โดยนักเต้นรำแต่ละคนจะถือขลุ่ยไม้ไผ่ในมือซ้าย และถือบาร์ไม้ที่ทำจากขนนก หรือขนไก่ฟ้าในมือขวา

ชองแดอ็อบจีมู (Jeongdaeeop-ji-mu, 정대업 지무) เป็นการเต้นรำเพื่อยกย่อง ความสำเร็จทางทหารของกษัตริย์ ซึ่งเป็นการเต้นรำของทหารที่เรียกว่า “มูมู (Mumu, 무무)” โดยจะเต้นรำในท่วงท่าที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งแบ่งแถวออกเป็นถือดาบไม้ที่ด้านหน้าสี่แถว และสี่แถวด้านหลังถือหอกไม้

ศาลเจ้าชงมโย (Jongmyo Shrine) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1995

สำหรับพิธีชงมโยเจเร (Jongmyo Jerye, 종묘 제례) และชงมโยเจรเยอัก (Jongmyo Jerye-ak, 종묘제례악) ถูกกำหนดให้เป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกของเกาหลีใต้ ในเรื่องมรดกทางวาจา และจับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Oral and Intangible Heritage of Humanity) โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี  ค.ศ. 2001

ที่อยู่ 157 Jong-ro, Hunjeong-dong, Jongno-gu, Seoul, South Korea (서울특별시 종로구 훈정동 종로 157)

ข้อมูลเพิ่มเติม

สายด่วนการท่องเที่ยว 1330: + 82-2-1330 (เกาหลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, รัสเซีย, เวียดนาม, ไทย, มาเลย์)

ติดต่อสอบถาม +82-2-765-0195, +82-2-2174-3636

website eng.cdg.go.kr  (อังกฤษ, เกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน)

เวลาทำการ

กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 09:00-18:00
มิถุนายน – สิงหาคม 09:00-18:30
กันยายน – ตุลาคม 09:00-18:00
พฤศจิกายน – มกราคม 09:00-17:30

* ปิดทำการทุกวันอังคาร และเข้าชมรอบสุดท้าย 1 ชั่วโมงก่อนเวลาปิดทำการ

ค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ (อายุ 19 ปีขึ้นไป) 1,000 วอน และเยาวชน (อายุ 7-18) 500 วอน


บัตรชมพระราชวัง (Combination Ticket for Palaces)

10,000 วอน สำหรับเยี่ยมชมพระราชวังหลวง ทั้งห้าแห่งกรุงโซล (Seoul) (Five Grand Palaces of Seoul) *ราคาบัตรสำหรับ 4 พระราชวัง และฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับ 1 พระราชวัง อ่านเพิ่มเติม

การเดินทาง

Jongno 3(sam)-ga Station (종로3가역, จุงโนซัมกะหยอก Seoul Subway Line 1, Line 3 หรือ Line 5) และเดินไปยังทางออกที่ 11 จากนั้นเดินไปตามถนนประมาณ 60 เมตร ศาลเจ้าตั้งอยู่ซ้ายมือของคุณ


รถบัสประจำทาง Bus No. 111, 201, 260, 262, 270, 271, 721, N15, N62 หรือ 9301

และลงที่ป้ายจอดรถประจำทาง ชงโนซากาชงมโย (Jongno 4(sa)-ga.Jongmyo Shrine, 종로4가.종묘)

by Google Map

Jongmyo Shrine (종묘 [유네스코 세계문화유산])